วิธีการพิมพ์งานบนกล่องลูกฟูกสำหรับใส่สินค้า

พิมพ์ตรงลงไปบนกระดาษลูกฟูกได้เลย ด้วยระบบ Inkjet Flatbed หรือ Silk Screen

– ข้อดี : ราคาถูก เหมาะทำเป็นลังใส่สินค้าที่ไม่ต้องการความสวยงามมาก เช่นลังใส่ผลไม้ ลังเบียร์
– ข้อเสีย : งานสีไม่สด พิมพ์ได้ความละเอียดน้อยกว่าพิมพ์ระบบ Offset หากเป็นภาพคนหรือพรีเซนเตอร์จะไม่เนียนสวยเหมือนพิมพ์ด้วยระบบอื่นค่ะ

พิมพ์บนกระดาษปอนด์ หรือกระดาษ Art ก่อน แล้วจึงนำมาประกบบนกระดาษลูกฟูกอีกทีค่ะ

– ข้อดี : สีสวย ภาพงานละเอียด ใส่รูปสินค้าบนงานแล้วดูสวยกว่าแบบที่ 1 มากค่ะ พิมพ์ได้ตั้งแต่ 1-8 สีเลยนะคะ และยังสมารถรูปออกแบบ Design ของกล่องใส่ของได้หลายแบบ เพื่อเพิ่ม
Value ให้สินค้าเราดูพรีเมี่ยมขึ้นได้ค่ะ
– ข้อเสีย : ราคาแพงกว่าแบบที่ 1 ค่ะ เพราะเป็นการทำงานด้วยวัสดุ 2 ชนิดประกบกัน

 

กระดาษลูกฟูกที่นิยมนำมาทำเป็น Packaging ใส่สินค้ามีดังนี้

1. กระดาษลูกฟูก 2 ชั้น (Single Face)

คือกระดาษแผ่นเรียบ 1 แผ่น + ปะกบกับลอนลูกฟูก 1 แผ่น
นิยมใช้สำหรับ : กันกระแทกสินค้า หรือ ปะกล่อง offset | ลอนมาตรฐานได้แก่ E, B, C

2. กระดาษลูกฟูก 3 ชั้น (Single wall)

คือ กระดาษแผ่นเรียบ 2 แผ่น + ปะกบกับลอนลูกฟูก 1 แผ่น โดยลอนลูกฟูก จะอยู่ตรงกลางระหว่าง กระดาษแผ่นเรียบทั้ง 2 แผ่น
นิยมใช้กับ : สินค้าที่มีน้ำหนักปานกลางหรือไม่เน้นความแข็งแรงมากนัก | ลอนมาตรฐานได้แก่ B, C, E

3. กระดาษลูกฟูก 5 ชั้น (Double wall)

คือ กระดาษแผ่นเรียบ 3 แผ่น + ปะกบกับ ลอนลูกฟูก 2 แผ่น โดยกระดาษลอนลูกฟูกที่อยู่ติดกับผิวกล่องด้านนอกจะเป็นลอน B เพื่อประโยชน์ทางการพิมพ์ และ กระดาษลอนลูกฟูกที่อยู่ด้านในจะเป็นลอน C เพื่อประโยชน์ทางด้านรับแรงกระแทก
นิยมใช้สำหรับสินค้าที่ต้องการการป้องกันสูง หรือมีน้ำหนักมาก | ลอนมาตรฐาน : BC (ลอน B จะอยู่ด้านนอก ส่วนลอนC จะอยู่ด้านใน)

ที่เราเห็นกันบ่อย ๆ คือ กระดาษลูกฟูกจะเป็นสีน้ำตาลนะคะ แต่พิเศษขึ้นมานิดคือจะมีแบบสีขาวตรงส่วนกระดาษที่ปะบนลอนลูกฟูกด้วย นั่นคือการนำกระดาษสีขาวมาประกบลงไปนะคะ เพื่อให้เราพิมพ์งานได้สีไม่เพี้ยน และสีสวยสดขึ้นนั่นเองค่ะ เราสามารถสั่งงานกล่องลูกฟูกแบบปะขาวแค่ด้านนอก และปะทั้งด้านนอกและด้านในได้นะคะ เพราะบางทีเราก็อยากให้เปิดกล่องออกมาแล้วเจอสีขาวที่ดูสะอาดตา อีกทั้งยังสามารถพิมพ์ลายได้ทั้ง 2 ด้านเลยเช่นกันค่ะ

Share